top of page

การพยากรณ์เชิงคาดการณ์ช่วยให้การกำหนดราคา การใช้จ่ายโฆษณา และการวางแผนสินค้าคงคลังสำหรับ eCommerce ในปี 2025 เป็นเรื่องง่ายขึ้น

รูปภาพนักเขียน: GraasGraas

ค้นพบแนวโน้มสำคัญในการพยากรณ์เชิงคาดการณ์สำหรับธุรกิจ eCommerce ในปี 2025

แบรนด์ eCommerce ต้องรับมือกับการขายหลายแพลตฟอร์ม ความผันผวนของอุปสงค์ที่คาดเดาไม่ได้ และการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งหมดนี้ต้องทำไปพร้อมกับการรักษาความสามารถในการทำกำไร


และการตัดสินใจต้องแม่นยำหากต้องการบรรลุเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม วิธีการตัดสินใจแบบดั้งเดิมไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดแบบเรียลไทม์ได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาการตั้งราคาไม่มีประสิทธิภาพ การใช้จ่ายโฆษณาที่ผิดพลาด และปัญหาสินค้าคงคลัง


AI-powered predictive forecasting ช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้โดย:

  • วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์เพื่อคาดการณ์แนวโน้ม

  • ปรับกลยุทธ์การกำหนดราคาให้เหมาะสม

  • จัดสรรงบประมาณโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ปรับปรุงการวางแผนสินค้าคงคลัง และอื่นๆ


ด้วยโมเดลการพยากรณ์เชิงคาดการณ์ แบรนด์ eCommerce สามารถเปลี่ยนจากการตัดสินใจเชิงรับเป็นเชิงรุก ลดความเสี่ยง และเพิ่มผลกำไรสูงสุด


บล็อกนี้จะพูดถึงวิธีที่การพยากรณ์เชิงคาดการณ์ช่วยให้การกำหนดราคา การใช้จ่ายโฆษณา และการบริหารสินค้าคงคลังเป็นเรื่องง่ายขึ้น



มาเริ่มกันเลย!


การพยากรณ์เชิงคาดการณ์ในอีคอมเมิร์ซคืออะไร?


โมเดลเชิงคาดการณ์วิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลังและข้อมูลเรียลไทม์จำนวนมหาศาลเพื่อคาดการณ์ผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งการคาดเดาจากสัญชาตญาณของมนุษย์ไม่สามารถเทียบได้


โดยการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่แบบเรียลไทม์ ระบบสามารถระบุรูปแบบและแนวโน้ม เพื่อพยากรณ์ยอดขายในอนาคต ความผันผวนของอุปสงค์ และโอกาสในการกำหนดราคา


ต่างจากการพยากรณ์แบบดั้งเดิม ระบบนี้จะปรับตัวอย่างต่อเนื่องเมื่อมีข้อมูลใหม่เข้ามา (เช่น พฤติกรรมการซื้อ เทรนด์ตามฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงของตลาด) ซึ่งช่วยลดการคาดเดาและทำให้สามารถตัดสินใจเชิงรุกได้ นี่คือโซลูชันที่ช่วยให้ธุรกิจนำหน้าความเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และเพิ่มผลกำไร


ทำไมแบรนด์อีคอมเมิร์ซของคุณถึงต้องการการพยากรณ์?


ทุกวันนี้ โมเดลการพยากรณ์เชิงคาดการณ์ทำงานได้เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น


การพึ่งพาวิธีพยากรณ์แบบแมนนวลที่ช้าและมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดสูง อาจทำให้เกิดคอขวดในการดำเนินงาน


ตั้งแต่การบริหารสินค้าคงคลังไปจนถึงงบประมาณการตลาด ทุกแง่มุมของ eCommerce ต้องอาศัยการพยากรณ์ที่แม่นยำ


นี่คือเหตุผลที่ predictive forecasting เป็นสิ่งที่ธุรกิจของคุณต้องมี:


1. แก้ปัญหาความคลาดเคลื่อนของสินค้าคงคลัง 

การบริหารสินค้าคงคลังที่ผิดพลาดเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับธุรกิจ eCommerce เมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงในโลกจริงที่ส่งผลต่ออุปสงค์ วิธีพยากรณ์แบบดั้งเดิมมักล้มเหลว นำไปสู่ปัญหาสินค้าหมดสต็อกหรือสินค้าค้างสต็อก ซึ่งทั้งสองอย่างส่งผลกระทบต่อกำไร


IHL Group เรียกปัญหานี้ว่า "Inventory Distortion"


Inventory Distortion ทำให้ผู้ค้าปลีกสูญเสียเกือบ 1.77 ล้านล้านดอลลาร์ ทั่วโลก กุญแจสำคัญในการหลีกเลี่ยงปัญหานี้คือ "Visibility" — ความสามารถในการคาดการณ์ความผันผวนของอุปสงค์ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น


แม้ว่าการวิเคราะห์เชิงพรรณนา เชิงกำหนด และเชิงวินิจฉัยจะช่วยให้เข้าใจแนวโน้มที่ผ่านมาและปรับปรุงการดำเนินงาน แต่ predictive forecasting ให้มุมมองแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับอนาคต ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น

Process of descriptive, diagnostic, prescriptive, and predictive analytics for eCommerce operations.

ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (รวมถึงยอดขายในอดีต แนวโน้มตลาด และปัจจัยภายนอก เช่น ฤดูกาล) การพยากรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยให้ธุรกิจสามารถสต็อกสินค้าที่เหมาะสมในปริมาณที่ถูกต้อง ลดการสูญเสียยอดขายและต้นทุนสินค้าคงคลังส่วนเกิน


2. ทำให้การใช้จ่ายโฆษณาและการจัดสรรงบประมาณง่ายขึ้น

งบประมาณการตลาดอาจสูญเปล่าได้ง่ายหากไม่ได้รับการจัดสรรอย่างมีกลยุทธ์ Predictive forecasting ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายโฆษณาโดยวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแคมเปญในอดีตและพฤติกรรมของลูกค้าเพื่อล่วงรู้ผลลัพธ์ในอนาคต


Marketing managers ด้าน eCommerce สามารถใช้ AI-driven predictive forecasting เพื่อคาดการณ์ว่าแคมเปญใดจะให้ ROAS สูงสุด


แทนที่จะพึ่งสัญชาตญาณ พวกเขาสามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายงบประมาณระหว่างช่องทางและแคมเปญต่างๆ


เนื่องจากเส้นทางของลูกค้าครอบคลุมหลายจุดสัมผัส predictive forecasting จึงช่วยระบุว่าช่องทางและโฆษณาแบบใดที่สร้างอัตราการแปลงสูงสุด สิ่งนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเงินทุกดอลลาร์ที่ใช้ไปกับโฆษณาจะถูกใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด


นอกจากนี้ การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ยังช่วยให้สามารถปรับงบประมาณแบบไดนามิกตลอดวงจรชีวิตของแคมเปญ ข้อมูลใหม่ที่ถูกรวบรวมจะเผยให้เห็นว่าโฆษณาใดทำงานได้ดี และโฆษณาใดควรถูกลดขนาดลง


3. ช่วยในการแบ่งกลุ่มลูกค้า

Predictive forecasting ช่วยปรับปรุงการแบ่งกลุ่มลูกค้าโดยการวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมและจัดประเภทผู้ซื้อออกเป็นกลุ่มต่างๆ ตามความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะตอบสนองต่อโฆษณาประเภทต่างๆ ครีเอทีฟ และช่องทางที่แตกต่างกัน


แทนที่จะใช้กลยุทธ์แบบ one-size-fits-all ธุรกิจสามารถปรับแต่งข้อความให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มได้


เมื่อความชอบของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป predictive models ก็จะปรับตามไปด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าแคมเปญยังคงมีความเกี่ยวข้องและมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่ม ROAS แต่ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งโดยรวมอีกด้วย


4. ปรับกลยุทธ์การขายและการตั้งราคาให้แม่นยำยิ่งขึ้น

อีกเหตุผลที่ eCommerce brands ควรใช้ predictive forecasting คือช่วยปรับปรุงกลยุทธ์การขายและการตั้งราคาให้แม่นยำยิ่งขึ้น


ตัวอย่างเช่น การคาดการณ์อาจเผยให้เห็นว่าสินค้าบางรายการมีสต็อกต่ำ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อสินค้ามีความต้องการสูง แต่ปริมาณ SKU ในคลังมีน้อย กรณีนี้คุณอาจต้องการปรับขึ้นราคาเพื่อใช้ประโยชน์จากสถานการณ์อุปทานต่ำ-อุปสงค์สูง


ในทางกลับกัน หาก SKU บางรายการขายไม่ดีตามที่คาดไว้ predictive forecasting สามารถช่วยให้คุณจัดโปรโมชันหรือส่วนลดกับสินค้าเหล่านั้นได้


แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้ช่วยให้กลยุทธ์การตั้งราคารองรับความต้องการที่แท้จริง เพิ่มทั้งรายได้และกำไร


5. ลดความเสี่ยง

การขยายธุรกิจ eCommerce มาพร้อมกับความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสินค้าคงคลังและยอดขาย การตัดสินใจผิดพลาดอาจนำไปสู่การลดราคาที่มากเกินไป กระทบต่อกำไรและภาพลักษณ์ของแบรนด์


การจัดโปรโมชันลดราคาครั้งใหญ่โดยไม่มีการคาดการณ์ความต้องการที่แม่นยำ อาจนำไปสู่การให้ส่วนลดมากเกินจำเป็น ส่งผลให้กำไรลดลงโดยไม่จำเป็น Predictive forecasting ช่วยให้กลยุทธ์การขายขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเรียลไทม์ ลดความเสี่ยงทางการเงิน


หากแบรนด์ของคุณขายสินค้าที่มีวันหมดอายุ ความเสี่ยงในการสูญเสียรายได้ยิ่งสูงขึ้น เพราะหากสินค้าเน่าเสียก่อนขายออกไป คุณจะต้องเผชิญกับการขาดทุนโดยไม่จำเป็น


Predictive forecasting ช่วยปรับรอบการเติมสินค้าให้เหมาะสม ทำให้มั่นใจว่ามีสินค้าพร้อมจำหน่ายในปริมาณที่เหมาะสมและในช่วงเวลาที่ถูกต้อง


นี่เป็นเพียงบางเหตุผลที่ eCommerce businesses ควรใช้ predictive forecasting ในการดำเนินธุรกิจ ด้วย predictive analytics คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การตลาด, การขาย, การจัดการสต็อก หรือการตั้งราคา


แนวโน้มสำคัญของ Predictive Forecasting ในปี 2025 


พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่คุณต้องพิจารณา Predictive forecasting กำลังเปลี่ยนไปเช่นกัน และหากคุณไม่ตามให้ทัน คุณอาจใช้งานมันได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ


นี่คือแนวโน้มสำคัญที่กำลังกำหนดทิศทางของ Predictive Forecasting ในปี 2025:


1. โมเดลการคาดการณ์เฉพาะภูมิภาคและแพลตฟอร์ม

ยุคที่ธุรกิจต้องพึ่งพาโมเดลคาดการณ์ทั่วไปซึ่งไม่มีความเฉพาะเจาะจงกับตลาดของตนได้จบลงแล้ว


ในปี 2025 AI models จะถูกปรับแต่งให้เหมาะกับข้อมูลเฉพาะภูมิภาค แพลตฟอร์ม และกลุ่มลูกค้า ทำให้ความแม่นยำของข้อมูลเชิงลึกสูงขึ้นกว่า 95%


แพลตฟอร์มวิเคราะห์ eCommerce อย่าง Graas ใช้ first-party data จากธุรกิจต่างๆ เพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำและตรงจุดมากขึ้น ซึ่งหมายความว่า แบรนด์สามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าอะไรเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของลูกค้า กลยุทธ์การตั้งราคาแบบใดที่ได้ผลดีที่สุด และอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการซื้อ ทำให้การคาดการณ์แม่นยำกว่าที่เคยเป็น


2. การคาดการณ์แบบเรียลไทม์เพื่อปรับกลยุทธ์สินค้าคงคลังและการตั้งราคา

ลองจินตนาการว่าคุณมีสินค้าจำนวน 500 ชิ้น ตั้งราคาไว้ที่ $25 และการวิเคราะห์ความต้องการแสดงให้เห็นว่าในราคานี้จะมีลูกค้า 300 คน ที่มีแนวโน้มจะซื้อ แต่หากลดราคาลงเหลือ $22 คุณอาจดึงดูดลูกค้าได้ถึง 450 คน


Predictive forecasting for inventory and pricing strategies.

คำถามคือ: คุณควรเพิ่มยอดขายหรือเพิ่มกำไรต่อหน่วย?

Learn how predictive forecasting help you to generate more revenue

เห็นได้ชัดว่าราคาที่ต่ำลงช่วยสร้างรายได้มากขึ้น และช่วยระบายสต็อกได้เร็วขึ้น แต่สิ่งนี้จะกระทบกำไรหรือไม่? หรือว่าต้นทุนการเก็บสินค้า 150 ชิ้นที่น้อยลง จะช่วยให้คุณรักษาระดับกำไรได้?


Example of how predictive forecasting can help you adjusting inventory and pricing strategies

Predictive forecasting ช่วยขจัดการคาดเดาโดยใช้ข้อมูล ความต้องการแบบเรียลไทม์, ราคาของคู่แข่ง และแนวโน้มการซื้อ เพื่อแนะนำกลยุทธ์การตั้งราคาที่ให้ผลกำไรสูงสุด


ตัวอย่างเช่น หาก AI-driven model ตรวจพบว่า คู่แข่งสินค้าหมดสต็อก กะทันหัน ระบบอาจแนะนำให้ปรับขึ้นราคาสินค้าเล็กน้อยเพื่อเพิ่ม margin


ในทางกลับกัน หากยอดขายเริ่มชะลอตัว ระบบอาจแนะนำให้ใช้ส่วนลดชั่วคราวเพื่อรักษารายได้ให้คงที่


ความสามารถในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์แบบเรียลไทม์นี้ช่วยให้ eCommerce brands สามารถตั้งราคาให้เหมาะสมที่สุด หลีกเลี่ยงการสูญเสียยอดขายจากกลยุทธ์การตั้งราคาที่ล้าสมัย


ในปี 2025 ธุรกิจที่ใช้ Predictive Forecasting ในการกำหนดราคาสินค้าและบริหารสินค้าคงคลังแบบไดนามิก จะสามารถสร้างสมดุลระหว่างความต้องการและกำไรได้ดียิ่งขึ้น


3. การคาดการณ์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นระหว่างโปรโมชันและอีเวนต์

การจัดการสินค้าคงคลังไม่ใช่แค่การเก็บสินค้า แต่เป็นเรื่องของการหาสมดุลระหว่าง อุปทานและอุปสงค์ ซึ่ง จังหวะเวลาเป็นสิ่งสำคัญ


How predictive forecasting help eCommerce business during promotions and events

การจัดการสินค้าคงคลังไม่ใช่แค่การเก็บสินค้า แต่เป็นเรื่องของการหาสมดุลระหว่าง อุปทานและอุปสงค์ ซึ่ง จังหวะเวลาเป็นสิ่งสำคัญ


หากผลิตสินค้าไม่ทัน อาจพลาดโอกาสในการขาย หากผลิตเร็วเกินไป อาจต้องแบกรับต้นทุนการเก็บรักษาที่สูง


ในปี 2025 Predictive Forecasting จะช่วยให้ธุรกิจ ลดการคาดเดา และคาดการณ์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นระหว่าง ช่วงลดราคา โปรโมชัน และอีเวนต์ตามฤดูกาล ได้อย่างแม่นยำ ช่วยป้องกัน สินค้าหมดสต็อกในช่วงพีค และลดความเสี่ยงของ สินค้าคงคลังส่วนเกินเมื่อตลาดเริ่มชะลอตัว


4. การจำลอง "What-If" Scenarios และการตรวจจับความผิดปกติ

สินค้าบางรายการอาจขายหมดเร็วกว่าที่คาดไว้—เกิดจาก ราคาสินค้า หรือไม่? ควรปรับราคาสินค้ารายการอื่นด้วยหรือเปล่า? หากไม่มีข้อมูล การตัดสินใจเหล่านี้จะทำได้ยากและไม่มีความแม่นยำ


Predictive Forecasting ในปี 2025 จะช่วยให้ eCommerce brands สามารถจำลองกลยุทธ์การตั้งราคาต่างๆ และวิเคราะห์ผลกระทบที่มีต่อยอดขาย โดยยังคงรักษากำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ


นอกจากนี้ ยังช่วยตรวจจับความผิดปกติ เช่น ยอดขายพุ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ ทำให้ธุรกิจสามารถเตรียมรับเทรนด์ที่กำลังมา และหลีกเลี่ยงปัญหาการจัดการสินค้าคงคลัง


เมื่อผสาน Predictive Forecasting เข้ากับธุรกิจ eCommerce แบรนด์ต่างๆ จะสามารถปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน ตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ และเพิ่มผลกำไรในอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ


TL;DR 

ด้วยแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพึ่งพาการคาดการณ์แบบแมนนวลหรือการใช้สัญชาตญาณ อาจทำให้ธุรกิจของคุณเผชิญกับความท้าทายมากมาย


AI-driven Predictive Forecasting ช่วยให้ eCommerce brands นำหน้าความผันผวนของความต้องการ ปรับกลยุทธ์การตั้งราคา และ เพิ่มรายได้สูงสุด—ทั้งหมดนี้ใน เวลาจริง


หากคุณยังไม่ใช้ Predictive Analytics คุณก็กำลังตามหลังไปแล้ว!


นี่คือสิ่งที่ช่วยได้:


✅ ลดความผิดพลาดของสินค้าคงคลัง

✅ ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้จ่ายโฆษณา

✅ ปรับกลยุทธ์การตั้งราคาได้แบบเรียลไทม์

✅ แบ่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างแม่นยำ

✅ ลดความเสี่ยง & เพิ่มความสามารถในการทำกำไร

✅ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเวลาโปรโมชัน

✅ เสริมความยืดหยุ่นให้กับซัพพลายเชน

✅ ปรับปรุงอัตราการรักษาลูกค้า

✅ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน


Comments


bottom of page