top of page

วิธีที่เอเจนซี่สามารถขยายแคมเปญแบรนด์ eCommerce ให้ลูกค้าด้วย Graas' Analytics Platform

รูปภาพนักเขียน: GraasGraas

อัปเดตเมื่อ 14 ม.ค.


เครื่องมือวิเคราะห์ eCommerce สำหรับเอเจนซี่ในการขยายแคมเปญ eCommerce ให้กับลูกค้า

คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับหลักการของการให้และรับ (Reciprocity) มันหมายความว่าเมื่อผู้คนลงทุนกับคุณ พวกเขาคาดหวังผลตอบแทนที่มีมูลค่าเท่ากันหรือมากกว่า


นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะสำหรับเอเจนซี่อีคอมเมิร์ซที่จัดการแคมเปญแบรนด์ ลูกค้าจะมอบงบประมาณและเป้าหมายให้กับคุณ โดยคาดหวังผลลัพธ์ที่สามารถวัดได้เพื่อยืนยันการลงทุนของพวกเขา


อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นเอเจนซี่อีคอมเมิร์ซ การพึ่งพาการคาดเดาหรือสัญชาตญาณเพื่อการตัดสินใจไม่เพียงพอ ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น ความรับผิดชอบไม่มาจากการคาดเดา—ตัวเลขคือพื้นฐานของความไว้วางใจ


ในบล็อกนี้ เราจะพูดถึงว่าเครื่องมือวิเคราะห์ของ Graas ช่วยให้เอเจนซี่สามารถขยายแคมเปญแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร เพื่อให้คุณมีข้อมูลทั้งหมดที่คุณต้องการในการรับผิดชอบ



ทำไมเอเจนซี่ถึงไม่สามารถขยายแคมเปญการตลาดอีคอมเมิร์ซได้หากไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล?


การขยายแคมเปญการตลาดอีคอมเมิร์ซโดยไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลก็เหมือนกับการขับรถโดยปิดตา—คุณเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แต่ไม่มีทางรู้เลยว่าคุณกำลังไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือไม่


ในฐานะเอเจนซี่ ลูกค้าของคุณไม่ได้คาดหวังแค่การเคลื่อนไหว แต่พวกเขาคาดหวังผลลัพธ์


อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่คุณต้องจัดการแคมเปญสำหรับลูกค้าหลายรายบนหลายแพลตฟอร์ม ความซับซ้อนของข้อมูลจึงเพิ่มขึ้น และหากไม่มีเครื่องมือที่เหมาะสม ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะขยายขนาดการทำงาน นี่คือเหตุผล:


1. ความท้าทายของข้อมูลที่กระจัดกระจายจากหลายช่องทาง

แคมเปญของลูกค้าคุณกระจายไปบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop, Meta และแม้แต่ร้านค้า Shopify ของตัวเอง แต่ละแพลตฟอร์มอาจมีการวิเคราะห์ของตัวเอง แต่ไม่มีแพลตฟอร์มใดให้ข้อมูลแบบครบวงจร ซึ่งข้อมูลที่กระจัดกระจายนี้สร้างช่องว่างที่ทำให้ยากต่อการเข้าใจว่าปัจจัยใดที่กระตุ้นการแปลง (Conversion)


นี่เป็นเพียงสำหรับลูกค้ารายเดียว—อย่าลืมว่าคุณอาจกำลังจัดการหลายแคมเปญสำหรับลูกค้าหลายรายในเวลาเดียวกัน


ดังนั้น คุณจำเป็นต้องมีเครื่องมือวิเคราะห์ที่รวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เพื่อให้คุณมีภาพรวมของประสิทธิภาพและช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล หากไม่มีเครื่องมือเหล่านี้ การขยายแคมเปญข้ามช่องทางที่หลากหลายและสำหรับลูกค้าหลายรายเป็นการเดิมพันที่อาจทำให้เสียชื่อเสียงของคุณ


2. การขยายต้องการข้อมูลเชิงลึกที่เจาะลึกเกี่ยวกับลูกค้า

การขยายแคมเปญไม่ใช่แค่การเพิ่มงบโฆษณา—แต่เป็นเรื่องของการเข้าใจว่าจะลงทุนที่ไหนและทำไม เครื่องมือวิเคราะห์ช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก เช่น มูลค่าตลอดชีพลูกค้า (Customer Lifetime Value - LTV), พฤติกรรมการซื้อ และความเสี่ยงในการสูญเสียลูกค้า (Churn Risk) ซึ่งช่วยให้คุณระบุกลุ่มเป้าหมายที่มีค่ามากที่สุดและปรับแต่งแคมเปญให้เหมาะกับพวกเขา


ตัวอย่างเช่น หากคุณทราบว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มหนึ่งตอบสนองดีต่อการขายแบบจัดชุด (Bundle) คุณสามารถสร้างโปรโมชันเฉพาะเพื่อเพิ่มมูลค่าการสั่งซื้อเฉลี่ยได้ หากไม่มีข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ แคมเปญของคุณเสี่ยงที่จะเป็นแบบทั่ว ๆ ไปและไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะจำกัดโอกาสในการเติบโต


3. การปรับเปลี่ยนแบบเรียลไทม์สำหรับแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลง

ความชอบของผู้บริโภค สภาพตลาด และการกระทำของคู่แข่งเปลี่ยนแปลงทุกวัน เครื่องมือวิเคราะห์ช่วยให้คุณติดตามประสิทธิภาพแบบเรียลไทม์ ทำให้คุณสามารถปรับการเสนอราคา คอนเทนต์โฆษณา หรือกลยุทธ์ช่องทางได้ทันที


หากไม่มีความคล่องตัวนี้ แคมเปญของคุณอาจล้าหลังแนวโน้มตลาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้เสียค่าโฆษณาโดยเปล่าประโยชน์


ดังนั้น สำหรับเอเจนซี่ ข้อมูลไม่ใช่สิ่งที่เลือกได้—แต่เป็นพื้นฐานของแคมเปญที่ปรับขนาดได้และขับเคลื่อนด้วยผลลัพธ์ที่ลูกค้าต้องการ เครื่องมือวิเคราะห์เปลี่ยนการคาดเดาเป็นกลยุทธ์ ช่วยให้การเติบโตของลูกค้าเป็นไปอย่างยั่งยืน


เอเจนซี่จะใช้ Graas’ Analytics Platform เพื่อขยายแคมเปญ eCommerce ของลูกค้าได้อย่างไร? 


การขยายแคมเปญ eCommerce เป็นทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะสำหรับเอเจนซี่ที่ต้องจัดการลูกค้าหลายรายในแพลตฟอร์มที่หลากหลาย Graas’ eCommerce Analytics Platform ช่วยลดความซับซ้อนของข้อมูลและเปลี่ยนเป็นข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง เพื่อให้อเอเจนซี่สามารถส่งมอบผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้ นี่คือวิธีการ:


1. เข้าใจเป้าหมายของลูกค้าและปรับกลยุทธ์แคมเปญให้สอดคล้อง

ก่อนตั้งเป้าหมาย การเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ การวิเคราะห์สถานการณ์ช่วยให้คุณระบุได้ว่าอะไรที่ได้ผลดีและอะไรที่ต้องปรับปรุง ซึ่งตรงนี้ Graas’ eCommerce Analytics Platform มีบทบาทสำคัญ


แพลตฟอร์มวิเคราะห์ eCommerce นี้ช่วยให้คุณรวบรวมข้อมูลย้อนหลังจากแคมเปญที่ผ่านมาของลูกค้าทั้งหมด ตัวอย่างเช่น คุณสามารถวิเคราะห์เมตริกต่าง ๆ เช่น Return on Ad Spend (ROAS), อัตราการแปลง (Conversion Rates) และประสิทธิภาพของสินค้าบางประเภท


ยกตัวอย่าง หากแคมเปญก่อนหน้าของลูกค้าแสดงให้เห็นว่า ROAS สูงสำหรับสินค้าตามฤดูกาล แต่มีอัตราการแปลงต่ำสำหรับสินค้าที่ไม่ใช่ฤดูกาล ด้วยการระบุความแตกต่างเหล่านี้ คุณสามารถกำหนดวัตถุประสงค์ที่ตั้งอยู่บนฐานข้อมูลได้


ด้วย Graas กระบวนการนี้ถูกทำให้ง่ายขึ้น แทนที่จะคาดเดาว่าแคมเปญหรือสินค้าชิ้นไหนมีศักยภาพ คุณสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูล


ตัวอย่างเช่น หากหมวดหมู่สินค้าบางประเภทมีประสิทธิภาพต่ำอย่างต่อเนื่องแม้จะใช้งบโฆษณาสูง คุณสามารถให้ความสำคัญกับการปรับปรุงแคมเปญเหล่านี้หรือเปลี่ยนไปโฟกัสสินค้าที่ทำกำไรได้มากกว่า วิธีนี้ช่วยให้เป้าหมายที่คุณตั้งไว้มีความสมเหตุสมผล ชัดเจน และสามารถขยายผลได้


2. การรวมข้อมูลจากหลายแพลตฟอร์ม

ลองจินตนาการว่าคุณต้องจัดการลูกค้า 5 ราย ซึ่งแต่ละรายใช้แพลตฟอร์มถึง 10 แพลตฟอร์ม เช่น Facebook, Google, TikTok และมาร์เก็ตเพลสอย่าง Shopee และ Lazada นั่นหมายถึงการดูแลแพลตฟอร์มถึง 50 แห่งในเวลาเดียวกัน การวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งเหล่านี้ด้วยตนเองไม่เพียงใช้เวลานาน แต่ยังไม่มีประสิทธิภาพและเสี่ยงต่อความผิดพลาด


Graas’ eCommerce Analytics Platform ช่วยแก้ปัญหานี้ด้วยการรวมข้อมูลจากทุกแพลตฟอร์มให้อยู่ในแดชบอร์ดเดียว คุณสามารถเปรียบเทียบและวิเคราะห์ประสิทธิภาพได้อย่างราบรื่น


ตัวอย่างเช่น หากลูกค้ารายหนึ่งมีอัตราการแปลงสูงบน TikTok Ads แต่ ROAS ดีกว่าบน Google Shopping เครื่องมือนี้จะแสดงแนวโน้มเหล่านี้เพื่อช่วยคุณจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


ด้วยความสามารถนี้ คุณสามารถระบุได้อย่างรวดเร็วว่าแคมเปญใดที่มีประสิทธิภาพต่ำหรือใช้งบประมาณมากเกินไป


สมมติว่าแคมเปญ Google Ads ของลูกค้ารายหนึ่งได้คลิกเยอะ แต่ไม่ได้การแปลง ในขณะที่ TikTok Ads มีผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง แทนที่จะวิเคราะห์ข้อมูลจากแต่ละแพลตฟอร์มด้วยตนเอง Graas จะช่วยให้คุณจัดสรรงบโฆษณาไปยัง TikTok หรือปรับปรุงแคมเปญ Google ด้วยการเปลี่ยนแปลงกลุ่มเป้าหมายหรือครีเอทีฟโฆษณา


3. ใช้ Predictive Analytics

การขยายแคมเปญไม่ใช่แค่การตอบสนองต่อข้อมูลเท่านั้น แต่เป็นการคาดการณ์แนวโน้ม Graas’ Predictive Analytics ใช้ข้อมูลย้อนหลังและบริบทเฉพาะของธุรกิจในการคาดการณ์ประสิทธิภาพและแนะนำการปรับปรุงแบบเรียลไทม์


ลองพิจารณาสถานการณ์การเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุน สมมติว่าลูกค้ามีงบโฆษณารายวัน $1,000 บน Facebook และ Google โดยมีค่าเฉลี่ยต้นทุนต่อการได้มาซึ่งลูกค้า (CPA) อยู่ที่ $20 หาก CPA บน Facebook พุ่งขึ้นเป็น $35 ติดต่อกัน 2 วัน ลูกค้าอาจสูญเสีย $300 หากไม่มีการแก้ไข


หากไม่มี Predictive Analytics ปัญหานี้อาจได้รับการแก้ไขหลังจากแนวโน้มนี้ส่งผลต่อประสิทธิภาพไปแล้ว


ด้วย Graas ระบบจะคาดการณ์ประสิทธิภาพที่ไม่ดีจากข้อมูลในอดีตและแนวโน้มตลาด พร้อมแจ้งเตือนให้คุณจัดสรรงบประมาณใหม่ทันที


Predictive Analytics ไม่ได้ช่วยแค่การลดต้นทุนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้แคมเปญของคุณใช้โอกาสให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น หากเครื่องมือตรวจพบการเพิ่มขึ้นของความต้องการในหมวดสินค้าที่กำลังเป็นกระแส คุณสามารถปรับแคมเปญเพื่อเพิ่มยอดขายในช่วงที่มีความต้องการสูงได้ล่วงหน้า


ความแม่นยำระดับนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเอเจนซี่ที่ทำงานกับลูกค้า eCommerce ที่มีความต้องการสูง แทนที่จะขอโทษสำหรับโอกาสที่พลาดไป คุณสามารถส่งมอบแคมเปญที่ปรับให้เหมาะสมเพื่อรักษาความเป็นผู้นำของลูกค้าในตลาด


4. รายงานอัตโนมัติและปรับแต่งได้

การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของงาน ส่วนที่เหลือคือการนำเสนอข้อมูลนั้นให้กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างรายงานที่ละเอียดและดึงดูดสายตาอาจกลายเป็นฝันร้าย โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องจัดการลูกค้าหลายราย การรวบรวม ทำความสะอาด และแสดงข้อมูลด้วยตนเองอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง แม้เพียงลูกค้ารายเดียว หากต้องทำซ้ำกับลูกค้าหลายราย งานนี้อาจต้องใช้เวลาทั้งวันของพนักงานหนึ่งคนเลยทีเดียว


แพลตฟอร์ม Graas’ eCommerce Analytics ช่วยขจัดปัญหานี้ ด้วยการดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์จากทุกแพลตฟอร์มที่ลูกค้าของคุณใช้งาน ช่วยให้คุณสร้างรายงานได้ในไม่กี่นาที รายงานเหล่านี้ไม่ใช่แค่สรุปพื้นฐาน แต่สามารถตั้งค่าให้เป็นอัตโนมัติ ละเอียด และปรับแต่งได้ตามความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย


ตัวอย่างเช่น หากลูกค้าขอรายงานประสิทธิภาพรายเดือนที่แสดง ROAS, อัตราการแปลง และค่าโฆษณาที่ใช้ในแต่ละช่องทาง คุณสามารถสร้างได้เพียงไม่กี่คลิก นอกจากนี้ ด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ คุณสามารถให้ข้อมูลอัปเดตในทันทีระหว่างการประชุมกับลูกค้า แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบและความพยายามของคุณในการขับเคลื่อนการเติบโต


การทำงานอัตโนมัตินี้ไม่เพียงช่วยประหยัดเวลา แต่ยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเอเจนซี่ของคุณ เมื่อรายงานมีความแม่นยำ ดึงดูดสายตา และเน้นข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ ลูกค้าจะไว้วางใจในความสามารถของคุณในการจัดการแคมเปญของพวกเขาอย่างมีประสิทธิภาพ


ขยายแคมเปญแบรนด์ eCommerce ให้ลูกค้าของคุณด้วย Graas’ Analytics!


การขยายแคมเปญ eCommerce ให้กับลูกค้าหลายรายไม่ใช่เรื่องง่าย คุณต้องการการรวมข้อมูล ความสามารถในการปรับตัวแบบเรียลไทม์ และการตัดสินใจที่แม่นยำ แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล eCommerce ของ Graas ช่วยให้เอเจนซี่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งมอบผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในขณะที่ประหยัดเวลาและทรัพยากร


ด้วยการเข้าใจเป้าหมายของลูกค้า การรวมข้อมูล การใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ และการทำรายงานอัตโนมัติ เอเจนซี่ของคุณไม่เพียงแต่สามารถขยายแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังเสริมสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าด้วยความรับผิดชอบและความโปร่งใส


Comments


bottom of page